หอเอนปิซ่า Pisa อาคารยุคกลางอย่างหอเอนเมืองปิซาซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในอิตาลีนั้นน่าทึ่งมาก รักษาสมดุลแม้ฐานด้านหนึ่งจะพังทลาย ผลก็คือ ตัวหลักของหอคอยยังคงเอียงอยู่เป็นเวลาเกือบพันปี แต่เขาไม่เคยล้มลง ด้วยเหตุนี้สถานที่แห่งนี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกและเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ใครก็ตามที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของหอเอนเมืองปิซา และเหตุใดหอเอนจึงยังคงเป็นพลังที่ต้องคำนึงถึง แรงโน้มถ่วงมีมาหลายร้อยปีแล้ว ติดตามเราและมาไขปริศนาด้วยกัน
หอเอนปิซ่า Pisa จุดเริ่มต้นของ หอเอนปิซ่า
หอเอนปิซ่า Pisa หอเอนเมืองปิซาเป็นหอระฆังของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ระฆังนี้เป็นระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น สูง 56 เมตร เอียงได้ 3.97 องศา ตั้งอยู่ใน Piazza del Duomo ในเมืองปิซา ทัสคานี ประเทศอิตาลี ข้างมหาวิหารปิซา (Duomo di Pisa) หอคอยแห่งนี้จะเอนเอียง เราต้องย้อนกลับไปในปี 1173 ซึ่งเป็นช่วงที่การก่อสร้างหอระฆังแห่งนี้เริ่มต้นขึ้น เนื่องจากพื้นดินในบริเวณที่สร้างเป็นโคลน ไม่ใช่ชั้นหินที่สามารถยึดรากฐานให้มั่นคงได้ ส่งผลให้ฐานด้านหนึ่งของหอคอยพังทลายลงมา น่าเสียดายที่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง ประมาณ 100 ปีต่อมา จิโอวานนี ดิ ซิโมเน สถาปนิกชาวอิตาลีผู้โด่งดัง ยังคงก่อสร้างต่อไปโดยเอียงหอคอยไปด้านหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างต้องหยุดลงอีกครั้งเมื่อประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม ในที่สุดหอระฆังแห่งปิซาก็สร้างเสร็จในปี 1319 หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 177 ปี
หอเอนปิซ่า กับ กาลิเลโอ
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) นักวิทยศาสตร์ชื่อดังในประวัติศาสตร์ ในช่วงที่เขามาอาศัยเล่าเรียนอยู่ที่ เมืองปิซ่า ระหว่างปี ค.ศ. 1589-1592 นั้น เขาก็ได้ทำการทดสอบแรงโน้มถ่วงด้วยการนำลูกบอล 2 ลูกที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันมาทิ้งลงจากหอระฆังแห่งนี้ และผลก็เป็นดังที่เขาคาด ก็คือลูกบอลทั้ง 2 ลูกร่วงลงบนพื้นพร้อมๆ กันนั่นเอง
หอเอนปิซ่า ศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน
หลายร้อยปีต่อมา หอเอนเมืองปิซายังคงเอียงอยู่ แม้ว่าจะมีการเทคอนกรีตลงบนฐานรากเพื่อฟื้นฟูแนวดิ่งของหอระฆังก็ตาม แต่นั่นยิ่งทำให้หอคอยเอียงมากขึ้น และจนถึงปี 1990 รัฐบาลอิตาลีได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์หลายคน ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ หรือวิศวกร จะเริ่มค้นหาวิธีสร้างสมดุลให้กับหอระฆังแห่งนี้ การซ่อมแซมดำเนินการมาเป็นเวลานาน ในที่สุดหอระฆังก็ฟื้นสมดุลและไม่เอนเอียงอีกต่อไป ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เปิดให้บริการจนกว่านักท่องเที่ยวจะได้สำรวจความมหัศจรรย์ของหอเอนเมืองปิซาอีกครั้ง
การขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก และ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ความมหัศจรรย์ของ หอเอนปิซ่า รวมถึงความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1987 อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (7 Wonders) ในยุคกลางอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวโลกทุกคนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียวค่ะ
ไขความลับทำไมเอน แต่ไม่ล้ม !
หอเอนปิซ่า Pisa ประเทศอิตาลี หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชม พร้อมไขปริศนาว่าทำไมวัตถุนี้จึงยังคงยืนอยู่ท่ามกลางแรงโน้มถ่วงของโลก หอเอนเมืองปิซาเป็นหอระฆังคริสเตียนหินอ่อนสีขาวสูง ตั้งอยู่บน Piazza del Duomo ในเมืองปิซา ประเทศอิตาลี และมีหอระฆังเอน ยอดหอระฆังสูงจากเส้นตั้งฉากประมาณ 3.9 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างมากกว่า 200 ปี และปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือน ชมความมหัศจรรย์และความงามด้วยตาของคุณเองอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
ต่อมาในปี ค.ศ. 1275 (พ.ศ. 1818) หอคอยแห่งนี้ได้รับการต่อเติมอีกครั้ง โดยสถาปนิกนามว่า จิโอวานนี ดิ ซิโมเน (Giovanni di Simone) เขาสร้างเพิ่มอีก 4 ชั้น และราวกับว่ามีอาถรรพ์อีกครั้ง ทำให้การก่อสร้างต้องยุติลงในปี ค.ศ. 1284 (พ.ศ. 1827) ด้วยเหตุสงครามอีกเช่นกัน กว่าจะมีการสร้างหอระฆังซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของหอคอยแห่งนี้ ก็กินเวลาไปอีกเกือบ 100 ปี เลยทีเดียว โดยหอระฆังชั้นสุดท้ายของหอคอยซึ่งสร้างโดย ทอมมาโซ ดิ แอนเดรีย ปิซาโน (Tommaso di Andrea Pisano) เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1372 (พ.ศ. 1915)
และสาเหตุที่หอเอนลง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเพราะพื้นดินที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากชั้นดินมีลักษณะเป็นดินปนทรายและดินโคลน ทำให้ไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของหอคอยขนาดใหญ่ได้ แต่ด้วยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างซึ่งทำมาจากหินปูนและปูนขาว มีคุณสมบัติสามารถโค้งงอ และทนต่อแรงต่าง ๆ ได้ดีกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างพวกหินหรืออิฐ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหอคอยแห่งนี้จึงไม่ถล่มไปเลย แต่กลับค่อย ๆ เอนลงเรื่อย ๆ
โดยปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซาลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้